วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ข้อบังคับเกี่ยวกับการแสดงข้อมูลในใบกำกับภาษี เริ่มใช้ปี 2558


ตามที่เลื่อนการบังคับใช้ประกาศอธิบดีกรมสรรพากรฉบับที่ 194-197 เกี่ยวกับการแสดงข้อมูลเพิ่มเติมในใบกำกับภาษีและในรายงานประเภทต่างๆ ซึ่งหลักๆ ก็คือต้องมีเลขประจำตัวผู้เสียภาษี และเลขลำดับสาขาแสดงออกมาในแบบฟอร์มทั้งการซื้อสินค้า และขายสินค้าด้วย



ตรงนี้คงจะเริ่มบังคับใช้ในปี 2558 อย่างแน่นอน คงไม่มีการเลื่อนบังคับใช้เป็นครั้งที่ 2 ดังนั้นหากท่านใดยังไม่ได้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ อยากให้ลองอ่านรายละเอียดของประกาศฯ เกี่ยวกับเรื่องนี้ ตามลิ้งค์ที่ให้ไว้ข้างล่างนี้ โดยประกาศฉบับใหม่ที่ออกมาแทนประกาศฉบับที่ 194-197 จะเป็นประกาศฉบับที่ 199-202 โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับการแสดงข้อมูลในแบบฟอร์มที่ละเอียดมากกว่าประกาศฉบับเดิม

199    http://www.rd.go.th/publish/27982.0.html
200    http://www.rd.go.th/publish/27983.0.html
201    http://www.rd.go.th/publish/27984.0.html
202    http://www.rd.go.th/publish/27985.0.html

สำหรับท่านใดที่ใช้โปรแกรมบัญชีสำเร็จรูป Express ก็อย่าลืมทำการอัพเดทโปรแกรมให้รองรับประกาศฉบับใหม่นี้ได้จากหน้าเว็บของบริษัท Express ได้เลยครับที่ http://www.esg.co.th

วันพฤหัสบดีที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2557

งวดบัญชีในโปรแกรมบัญชีคอมพิวเตอร์

ปกติรอบระยะเวลาในการทำบัญชีส่งให้กับทางราชการ ก็มักจะเริ่มจากวันที่ 1 มกราคม และไปสิ้นสุดตามปีปฏิทินคือ 31 ธันวาคม แต่ก็มีบริษัทจำนวนไม่น้อยที่ไม่ได้เริ่มรอบบัญชีตามปีปฏิทิน เช่นอาจจะเริ่มตามวันที่ก่อตั้งบริษัท หรือบางแห่งเริ่มตามปีปฏิทินของไทย ไม่ใช่ตามสากล

ซึ่งโปรแกรมบัญชีก็ต้องมีการออกแบบให้รองรับการทำงานในส่วนนี้ คือ ไม่ว่าผู้ใช้งานจะเริ่มใช้งานโปรแกรมวันใด ก็สามารถที่จะใช้โปรแกรมบัญชีในการบันทึกข้อมูลได้ โปรแกรม Express ก็เช่นเดียวกัน ที่สามารถกำหนดรอบบัญชีได้ตามที่ผู้ใช้งานต้องการ และยังเผื่อไว้ในกรณีที่หากผู้ใช้งานไม่สามารถปิดงวดบัญชีได้ทันเวลา (ซึ่งปกติ ก็คงยากที่จะมีใครปิดบัญชีได้เสร็จสมบูรณ์ในวันสิ้นปี) ก็จะสามารถป้อนข้อมูลของปีถัดไปเข้าไปในระบบได้ ซึ่งก็จะป้อนได้ต่อเนื่องถึง 2 ปีติดต่อกัน และสามารถขยายได้มากกว่านั้น เพราะในงวดสุดท้ายคืองวดที่ 24 จะยืดเวลาออกไปได้อย่างไม่จำกัด

และเมื่อไหร่ก็ตามที่สั่งปิดบัญชีในระบบบัญชีสำเร็จรูป Express โปรแกรมก็จะเริ่มต้นรอบบัญชีใหม่ให้อย่างถูกต้องโดยอัตโนมัติ


แหล่งข้อมูล http://www.esg.co.th

วันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ทำไม FIFO ไม่เอาต้นทุนที่รับเข้า มาตัดออก

เพิ่งได้รับคำถามนี้จากลูกค้าท่านหนึ่งที่ใช้งานโปรแกรม Express โดยข้อมูลจะเป็นไปตามรูป ซึ่งหากดูเผินๆ ก็น่าสงสัยอย่างที่ลูกค้าท่านนี้สงสัยเช่นเดียวกัน


นั่นเพราะว่าถ้าสังเกตทางด้านรับ ราคาต่อหน่วยที่มีการรับสินค้าตัวนี้เข้ามาทุกครั้งจะเท่ากัน คือ 0.06 แต่ทำไมในการตัดจ่ายออกไปรายการสุดท้ายของรายงานตัวนี้ (2000 หน่วย) กลับไม่แสดงราคาทุนต่อหน่วยที่มีมูลค่า 0.06 ออกมา ทั้งๆ ที่ถ้าดูจากล็อตรับเข้า ที่มีอยู่ 2 ล็อต คือ 9,000 หน่วยและ 36,000 หน่วย ก็มีราคาทุนที่รับเข้ามา 0.06 ทั้ง 2 ล็อต และลูกค้าท่านนี้ก็เลือกใช้การคำนวณต้นทุนแบบเข้าก่อนออกก่อน (FIFO) อยู่แล้วด้วย

ตรงนี้ให้ดูจากราคาทุนรวมที่รับเข้า ซึ่งก็คือ 550 + 2,000 = 2,550 และดูราคาทุนที่โปรแกรมตัดออกก่อนที่จะถึงการตัดจ่ายในล็อตสุดท้าย ซึ่งก็จะเท่ากับ 2,550 เช่นเดียวกัน (ยอดมาจาก 360.54+12.00+28.80+120.00+394.00+189.00+202.50+180.00+215.34+31.20+236.70+153.00+57.00+300.00+69.92) 

ดังนั้นที่ระบบไม่แสดงราคาทุนในการตัดจ่ายสินค้าตัวนี้ในล็อตสุดท้ายตามภาพนั้น ก็เกิดจากระบบได้ตัดต้นทุนของล็อตรับเข้าทั้ง 2 ล็อต (9,000+36,000) ออกไปหมดแล้ว แต่ยังมีจำนวนคงเหลือของสินค้าในล็อต 36,000 เหลืออยู่ เมื่อมีการตัดจ่ายระบบจึงตัดจ่ายเฉพาะจำนวน แต่ไม่ดึงมูลค่ามาให้ เพราะต้นทุนถูกตัดไปจนหมดก่อนหน้านั้นแล้ว

แหล่งข้อมูล http://www.esg.co.th

วันศุกร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ใช้โปรแกรมบัญชี จะเลือกวิธีการบันทึกบัญชีแบบ Perpetual หรือ Periodic ดีกว่า

มักจะได้รับคำถามเกี่ยวกับการบันทึกบัญชีบ่อยๆ ว่าควรจะเลือกแบบใดดี ระหว่างการบันทึกบัญชีแบบ Perpetual หรือ Periodic

ซึ่งถ้าเป็นการบันทึกบัญชีด้วยมือ เราคงต้องมานั่งวิเคราะห์หาความแตกต่างระหว่าง 2 วิธีนี้ ซึ่งโดยหลักๆ ก็คือ Perpetual จะมีการบันทึกบัญชีที่เกี่ยวข้องกับสินค้าในทุกๆ รายการ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ การขาย การปรับปรุงยอดในสต๊อก รวมไปถึงการบันทึกต้นทุนขายทุกครั้งที่มีการขาย ซึ่งประโยชน์ก็คือเราจะทราบยอดสินค้าคงเหลือตลอดเวลา ตั้งแต่ทำรายการเสร็จ

ส่วนอีกวิธี Periodic นั้นก็ตรงกันข้ามกัน เพราะเมื่อมีการซื้อหรือขาย จะไม่บันทึกบัญชีสินค้าเลย (ตรงนี้ในโปรแกรม Express หากเมื่อไหร่ที่บัญชีสินค้ามีการเคลื่อนไหวระหว่างงวด เช่น มีการนำไปเดบิต เครดิตในสมุดรายวัน ก็จะทำให้งบแสดงฐานะทางการเงินหรืองบดุล มียอดที่ไม่ดุลย์กันได้) แล้วยอดคงเหลือของสินค้าของการบันทึกบัญชีแบบ Periodic ล่ะ จะทราบยอดได้อย่างไร ก็ตอบได้ว่าต้องไปตรวจนับยอดเอา ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง

หากจำได้สมัยที่เรียนบัญชี ที่เราเคยท่องหรือทำความเข้าใจกัน ก็จะบอกว่า Perpetual นั้น เหมาะกับธุรกิจที่ขายสินค้ามูลค่าสูง มีจำนวนรายการเคลื่อนไหวของสินค้า เช่น รายการซื้อหรือรายการขายไม่มากนัก ส่วน Periodic ก็ตรงกันข้ามกัน

แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณใช้โปรแกรมบัญชีคอมพิวเตอร์สำเร็จรูปทำบัญชีแล้ว ก็ไม่ต้องวิเคราะห์เลยครับ เลือกใช้เป็น Perpetual ไปได้เลย เพราะระบบจะคำนวณต้นทุนสินค้าที่ขาย บันทึกบัญชีสินค้าทุกรายการให้โดยอัตโนมัติอยู่แล้ว เราไม่ต้องเสียเวลาไปคำนวณหรือลงบัญชีเอง วิธีการนี้จะทำให้คุณทราบยอดสินค้าคงเหลือ หรือต้นทุนขาย รวมถึงกำไรขั้นต้นได้ตลอดเวลา พอมีข้อมูลที่ถูกต้อง และนำมาใช้งานได้ตลอดเวลาแบบนี้ การตัดสินทางธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการสั่งซื้อสินค้า จัดโปรโมชั่น หรือจะเป็นการควบคุมสต็อคให้มียอดคงเหลือแบบพอใช้งาน ไม่มากหรือน้อยเกินไป ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปแล้ว

แหล่งข้อมูล http://www.esg.co.th

วันพฤหัสบดีที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2557

การแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเลคทรอนิคส์ทางธุรกิจ (EDI)

การใช้งานโปรแกรมบัญชี ไม่ได้เป็นแค่การลงบัญชีเพียงอย่างเดียว ปัจจุบันโปรแกรมบัญชีมีความสามารถหลากหลาย ซึ่งปัจจัยหนึ่งก็คงเป็นเพราะความต้องการใช้งานข้อมูลที่มากขึ้น อย่างที่ตอนนี้มีคนถามเรื่อง EDI (Electronic Data Interchange) กันเข้ามามาก โปรแกรม Express ก็สามารถทำได้ ซึ่งจริงๆ ทำมานานแล้วให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านสินค้าบริโภคของไทยรายหนึ่ง ซึ่งก็ไม่ยาก เพราะเพียงแค่ปรับปรุงผลลัพธ์ของรายงานบางตัวที่มีอยู่แล้วในโปรแกรม Express ให้พิมพ์ออกมาเป็น Text File แบบ CSV หรือก็คือ Text File ที่มีตัวคั่นข้อมูล

จากนั้นก็เป็นหน้าที่ของผู้รับข้อมูล ที่จะนำไฟล์ดังกล่าวนี้ไปประมวลผลต่อไป อย่างกรณีของบริษัทยักษ์ใหญ่รายนั้น ก็จะให้ทางสาขาทั่วประเทศส่งข้อมูลที่เป็นยอดขาย เข้ามาในลักษณะของไฟล์ CSV เพียงแค่นี้ทางสำนักงานใหญ่ ก็จะรู้ยอดขายทั้งหมดทั่วประเทศได้แบบง่ายๆ จะดูเป็นรายปี รายเดือน หรือแม้กระทั่งรายวัน ก็ทำได้ไม่ใช่เรื่องยาก


แหล่งข้อมูล http://www.esg.co.th

แนะนำโปรแกรมบัญชีสำเร็จรูป




บริษัท Express Software Group จำกัดเป็นผู้พัฒนาและจำหน่ายระบบบัญชีสำเร็จรูป Express มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องยาวนานกว่า 20 ปี

โดยปัจจุบันมีลูกค้าผู้ไว้วางใจนำโปรแกรมบัญชี Express ไปใช้งานมากกว่า 50000 กิจการ (นับถึงปี 2557) โปรแกรมบัญชี Express ครอบคลุมการทำงานตั้งแต่ระบบสั่งซื้อ สั่งจอง ออกบิล ควบคุมสต๊อก การออกงบการเงิน ไปจนถึงการนำส่งภาษีให้กับทางสรรพากร โดยต้องการให้การทำบัญชีเป็นเรื่องที่ไม่ยุ่งยาก คนทั่วไปที่แม้ไม่ได้เรียนบัญชีมา ก็สามารถทำบัญชีให้กับกิจการของตนเองได้ เพื่อความมั่นคงทางธุรกิจ และนำไปสู่ความสามารถในการแข่งขันกับบริษัทชั้นนำทั่วโลกได้

http://www.esg.co.th